จำนวนรถเพิ่ม…มลพิษอากาศเพิ่ม! มองจุดเสี่ยงแก้ปัญหาด้วยตัวเอง

ละน้อย บ่อยครั้งได้ยินเสียงบ่นถึงปัญหารถติดที่ถูกยกมาพูดกันในหลายเวที แต่ประเด็นสิ่งแวดล้อมซึ่งได้รับผลกระทบจากปริมาณรถยนต์เพิ่มขึ้นกลับไม่ได้รับการพูดถึงมากนัก หากไม่นับผลจากการขยายถนนด้วยการตัดต้นไม้ข้างทางแล้ว คงต้องตรวจสอบปัญหามลพิษทางอากาศจากรถยนต์กันมากขึ้น!

แม้สารตะกั่วที่เคยเป็นส่วนผสมของน้ำมันจะลดลงด้วยการออกกฎห้ามที่ออกมา แต่ในทางตรงกันข้ามกลับมีสารบางชนิดที่ก่อให้เกิดอันตรายกับคนเพิ่มขึ้นบนท้องถนน โดย ผศ.ดร.สิริแข พงษ์สวัสดิ์ คณบดีและทีมงาน คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี วิเคราะห์ว่า จากผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในประเทศ 20 ปีที่ผ่านมามีสภาวะดีขึ้น แต่ปัญหาฝุ่นขนาดเล็ก และก๊าซโอโซน จากการเผาไหม้ของรถยนต์ยังมีมากขึ้นแทนสารตะกั่ว

ประเด็นปัญหาของฝุ่นเกิดจากการวิ่งของรถในปริมาณมาก ส่วนก๊าซโอโซนถือเป็นประเด็นที่แก้ไขยากมาก และพบปริมาณเกินค่ามาตรฐานบ่อยครั้งที่สุดเมื่อเทียบกับมลพิษอื่น ๆ โดย ก๊าซโอโซนเกิดจากปฏิกิริยาระหว่างสารอินทรีย์ระเหยง่าย กับออกไซด์ของไนโตรเจนจากไอเสียของรถยนต์ มีแสงแดดเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ทำให้ก๊าซโอโซนมีมากในช่วงเที่ยงและบ่าย ซึ่งจะถูกกระแสลมพัดพาไปสะสมในบริเวณต่าง ๆ จะเห็นได้ว่ามีปัจจัยหลายอย่างยากต่อการควบคุมก๊าซนี้ให้อยู่ในระดับมาตรฐาน

ถึงภาครัฐจะออกมาตรฐานให้ใช้น้ำมันยูโร 4 เพื่อลดมลพิษแต่ก็มั่นใจไม่ได้ว่ามลพิษทางอากาศจากรถยนต์จะดีขึ้น เนื่องจากปริมาณรถมีมากเมื่อปล่อยออกมามาก ๆ มาตรการต่าง ๆ ที่วางไว้อาจไม่ได้ช่วยอะไร ซึ่งก๊าซโอโซน มีผลต่อมนุษย์ทำให้ระคายเคืองตา ผิวหนังบริเวณคอ และอาจมีอาการไอปวดหัวร่วมด้วย นอกจากนี้ยังทำให้พืชการเกษตรออกผลผลิตต่ำ สะสมอาหารได้น้อยลง ติดโรคและแมลงง่าย ตลอดจนทนต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศได้น้อย

ทั้งนี้ ฝุ่นและก๊าซโอโซนมีผลต่อระบบทางเดินหายใจผิดปกติ โดยเฉพาะในเด็ก คนชรา และผู้เป็นโรคภูมิแพ้ หอบหืด ซึ่งมีปริมาณมากขึ้นจากผลกระทบนี้อีกด้วย

จากผลสำรวจของกรมควบคุมมลพิษพบว่าในกรุงเทพฯ พื้นที่ซึ่งมีการจราจรติดขัดมีผลให้ฝุ่นละอองขนาดเล็กและโอโซนมีมากคือ เขตพญาไท วังทองหลาง ห้วยขวาง บางกะปิ บางนา ซึ่งมีปริมาณเบนซินที่เป็นสารก่อมะเร็งเกินมาตรฐานอันเป็นผลร้ายต่อมนุษย์

ย่านปริมณฑลที่มีค่าอากาศเกินมาตรฐานคือ สมุทรปราการ ปทุมธานี สมุทรสาคร นนทบุรี ส่วนในต่างจังหวัดจะมีมากในบริเวณหัวเมืองใหญ่และสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ และจากการประเมินมีข้อสังเกตว่า ในพื้นที่จังหวัดที่มีโรงงานอุตสาหกรรมมากเป็นปัจจัยหนึ่งของปริมาณมลพิษทางอากาศที่เกินมาตรฐาน เพราะบางครั้งของเสียที่เกิดในอากาศส่วนหนึ่งมาจากกระบวนการผลิตของโรงงาน และผสมรวมกับมลพิษจากรถยนต์ที่มีการขนส่งทำให้ประชากรบริเวณนั้นมีความเสี่ยงที่จะมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ

’สิ่งที่ต้องคำนึงอย่างมากในคนที่อาศัยอยู่ใกล้การจราจรแออัดและระบายอากาศไม่สะดวกอย่างเช่น พื้นที่ใต้สถานีรถไฟฟ้า ควรติดตั้งเครื่องระบายอากาศในห้องพัก ฝุ่นและก๊าซต่าง ๆ มีขนาดเล็กสามารถผ่านเข้าไปได้ ไม่ควรปิดห้องมิดชิดโดยไม่มีการระบายอากาศ เพราะมีการเปรียบเทียบว่าคนที่อยู่ภายนอกอาจอันตรายน้อยกว่าคนที่อยู่ในห้องพักโดยไม่มีการระบายอากาศในสถานที่ซึ่งมีมลพิษมาก”

แนวทางแก้ไขโดยเริ่มจากประชาชนทำได้ดังนี้ 1. ปลูกต้นไม้ให้มากขึ้น เพื่อช่วยดูดซับมลพิษในอากาศ โดยเฉพาะไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ที่สามารถปลูกไว้ในบ้านจะช่วยได้ 2. ทางเดียวกันควรไปด้วยกัน นอกจากจะช่วยลดก๊าซพิษในอากาศแล้วยังช่วยประหยัดพลังงานอีกด้วย 3. ดูแลรักษาเครื่องยนต์ให้อยู่สภาพดีเพื่อลดการปล่อยควันพิษ 4. ส่งเสริมการใช้รถประจำทาง รถไฟ หรือระบบขนส่งมวลชนประเภทต่าง ๆ โดยรัฐต้องเข้ามาจัดความเป็นระเบียบในแง่ การตรงต่อเวลา สะดวกในการเดินทางและบริการ 5. ขับรถยนต์ให้น้อยลงเมื่อต้องไปทำงานใกล้บ้าน 6. รัฐควรมีการเคร่งครัดในการตรวจสอบควันดำ และกวดขันอย่างต่อเนื่อง

“ที่สำคัญรัฐควรมีมาตรการให้ความรู้ประชาชนเกี่ยวกับมลพิษทางอากาศที่เพิ่มจากปัญหารถยนต์ที่มากขึ้น ซึ่งประชาชนที่แพ้หรือต้องทำงานบริเวณที่มีมลพิษนาน ๆ ควรใส่หน้ากากป้องกันขนาด 10 ไมครอน ตามร้านอุปกรณ์แพทย์ เพราะที่ผ่านมาหน้ากากที่ขายตามร้านสะดวกซื้อยังมีขนาดบางทำให้ป้องกันไม่ได้อย่างจริงจัง”

อนาคตปัญหามลพิษจากรถยนต์ในประเทศคงยังมีอยู่ เนื่องจากปริมาณรถที่มากขึ้นและการแก้ปัญหาที่มีอยู่ก็ยังไม่จริงจัง ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ต้องทนอยู่กับมลพิษเดิม ๆ สะสมความเครียด จนทำให้ประชากรมีสภาพร่างกายที่อ่อนแอหากภาครัฐไม่ให้ความรู้และการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม

มลพิษอากาศจากรถยนต์อาจยังไม่เห็นปัญหาในเร็ววัน แต่สารพิษต่าง ๆ ค่อย ๆ สะสมอยู่ในร่างกาย ซึ่งใครก็ไม่อยากรอวันนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเปลี่ยนทัศนคติคนไทยให้หันมาใช้ระบบขนส่งมวลชนมากขึ้น และผลักดันให้ภาครัฐทุกภาคส่วนมองเห็นปัญหาที่ตามมาอย่างรอบด้าน.

น้ำมันมาตรฐานยูโร 4

น้ำมันมาตรฐานยูโร 4 ที่รัฐบาลบังคับใช้ เป็นชื่อเรียกมาตรฐานที่สามารถใช้เรียกได้ทั้งมาตรฐานของรถยนต์และมาตรฐานของน้ำมันเชื้อเพลิง เนื่องจากเครื่องยนต์ที่ได้รับการพัฒนาเทคโนโลยีในระดับสูงจำเป็นต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่สะอาดควบคู่กันด้วย ดังนั้นในมาตรฐานยูโร 4 ของรถยนต์จึงได้กำหนดคุณลักษณะของน้ำมันเชื้อเพลิงที่เหมาะสมกับเครื่องยนต์ เพื่อให้เมื่อนำไปทดสอบตามมาตรฐานการระบายสารมลพิษจะได้มีค่าการระบายไม่เกินเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด เพราะค่ามาตรฐานการระบายสารมลพิษจากรถยนต์ตามมาตรฐานยูโร 4 มีความเข้มงวดมากขึ้น

ในทางกลับกันนักวิชาการมองว่า ด้วยปริมาณรถที่มีมากบนถนนอาจไม่ช่วยให้มลพิษลดลงอยู่ในระดับค่ามาตรฐานได้

ข่าวและภาพจาก : http://www.dailynews.co.th/article/224/211286

ใส่ความเห็น

Your email address will not be published.

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.